Blog
ทำความรู้จักสายกีตาร์และตัวโน๊ตกันเถอะ
วันนี้เราจะมาทำความรู้จักชื่อเรียกของสายกีตาร์แต่ละเส้นกัน ซึ่งจะแบ่งเป็นสองวิธีก็คือ เรียกตามตัวเลข และอีกแบบคือเรียกตามตัวโน๊ตค่ะ
1. วิธีเรียกตามตัวเลข หากถือกีตาร์เหมือนเวลากำลังจะเล่นตามปกติ สาย 1 จะเป็นสายที่อยู่ด้านล่างสุด และไล่สูงขึ้นไปเรื่อยๆ จนถึงสาย 6 ก็คือสายที่อยู่บนสุดนั่นเอง
2. หากเราเรียกตามตัวโน๊ตของแต่ละสาย จะพบว่า แต่ละสายมีโน๊ตดังนี้ สาย 6 = E, สาย 5 = A, สาย 4 = D, สาย 3 = G สาย 2 = B, และสุดท้าย สาย 1 = E
ทั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบขนาดและเสียงสูงต่ำ สาย E ด้านบนก็จะเป็นสายที่มีความหนามากที่สุด และมีเสียงตำ่ที่สุด เมื่อไล่ลงมาด้านล่าง ขนาดของสายก็จะเล็กลงและเสียงก็จะสูงขึ้นเรื่อยๆ จนเมื่อถึงสาย E ล่างก็จะตรงกันข้าม ซึ่งก็คือมีสายกีตาร์จะมีขนาดเส้นเล็กสุดและมีเสียงแหลมสุดค่ะ ทั้งนี้สาย E บนและ E ล่างจะมีช่วงเสียงต่างกันอยู่ 2 octave นะคะ
ตอนเริ่มแรก เพื่อนๆ อาจจะยังไม่คุ้น และรู้สึกว่าจำเป็นตัวอักษร E A D G B E ไม่ได้ ให้ลองวิธีต่อไปนี้ดูค่ะ เชื่อว่าทุกคนสามารถไล่โน๊ต “โด เร มี ฟา ซอล ลา ที โด” ได้ใช่มั้ยคะ ทีนี้โน๊ตทุกตัวก็จะมีตัวอักษรภาษาอังกฤษกำกับอยู่ด้วยซึ่งก็คือ โด (C) เร (D) มี (E) ฟา (F) ซอล (G) ลา (A) ที (B) ให้จำไว้ว่าโน๊ตของสายถัดไปจะเป็นโน๊ตลำดับที่สี่ทุกครั้ง ยกเว้นจากสาย G ไป B เท่านั้นที่จะห่างกันเป็นโน๊ตตัวที่สาม ยกตัวอย่างค่ะ
- จากสายบนสุดคือสาย E ไปยังสาย A >> 1.มี (E) 2.ฟา (F) 3.ซอล (G) 4.ลา (A)
- เช่นกันกับสาย A ไปยังสาย D >> 1. ลา (A) 2. ที (B) 3. โด (C) 4. เร (D)
เท่านี้เองค่ะ แต่อย่าลืมว่านับดังนี้ทั้งหกสาย ยกเว้นจาก สาย B ไปยัง G ที่ห่างกันแค่สามตัวโน๊ต ซึ่งก็คือ 1. ซอล (G) 2. ลา (A) 3. ที (B)
ถามว่าทำไมเราจึงต้องจำโน๊ตที่อยู่แต่ละสายให้ได้ คำตอบก็คือ การที่เรารู้โน๊ตของสายนั้นๆ จะเป็นจุดเริ่มต้นให้เราสามารถเล่นเทคนิคอื่นๆ ตามมาได้เช่น เมื่อเล่น power chord ต้องเล่นที่สายใด หรือ เล่น picking (เกากีตาร์) เราจะรู้ได้อย่างไรว่า ต้องเริ่มเกาที่สายใดเพื่อเป็นเสียง bass ก่อน เมื่อเราเข้าใจโน๊ตของสายกีตาร์แต่ละเส้น ก็จะทำให้เราตอบคำถามเหล่านี้ได้ค่ะ